วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วีธีการรักาาเล็บขบแบบง่ายๆๆ

IMG_2866
ใครไม่เคยเป็น “เล็บขบ” ไม่รู้หรอก ว่ามันทรมานขนาดไหน จะเดินไปไหนก็ต้องค่อยๆย่อง เพราะทางก้าวเท้าแรงไป อาจจะร้องโอดโอยได้ เพราะยิ่งเจ็บ ยิ่งถ้าหนองแตก ละก็ปวดสุดๆ บางคนเป็นหนัก ๆ ถึงกับต้องถอดเล็บ ก็มีนะ วันนี้ ๆ เราจึงมาบอกวิธีรักษาเล็บขบให้เพื่อนได้อ่านกัน
 เล็บขบเกิดจากอะไร
          ใคร ๆ ก็รู้ใช่ไหมว่า “เล็บ” มีหน้าที่ป้องกันอันตรายให้นิ้ว และส่วนนี้จะไม่มีเส้นประสาทอยู่ ทำให้เราไม่รู้สึกเจ็บปวดเมื่อเกิดโรคขึ้นกับเล็บ แต่ถ้าเกิดโรคนั้นกินเข้าไปถึงผิวหนังแล้วล่ะก็ “เล็บ” ก็สร้างความปวดร้าวให้เจ้าของเล็บสุด ๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะ “เล็บขบ” (Unguis Incarnatus) โรคเล็บที่เกิดขึ้นได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด “เล็บขบ” ได้ก็คือ
           1. การใส่รองเท้าที่บีบมากเกินไปเพราะจะทำให้เนื้อที่อยู่ด้านข้างของเล็บถูกบีบเข้ามา เล็บก็เลยไปกดเนื้อด้านข้าง เมื่อเล็บงอกมันก็จะงอกลึกลงไปในเนื้อ ทำให้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้ การใส่รองเท้าส้นสูงเกินไป ปลายเท้าแหลมเกินไป ก็ทำให้เท้าถูกบีบจนเล็บงอกตามปกติไม่ได้ ต้องกินเข้าไปในเนื้อ
           2. การตัดเล็บไม่ถูกวิธี หลายคนตัดเล็บด้านข้างเป็นมุมแหลมชิดเนื้อ หรือลึกเกินไปนั่นเอง ทำให้เล็บงอกใหม่ไปทิ่มที่ซอกเล็บ จนเกิดแผลและมีอาการปวดตามมา หรือบางคนชอบแต่งเล็บให้โค้งเข้าในซอกเล็บมากเกินไป และชอบแคะ ขูด งัดซอกเล็บบ่อย ๆ 
           3. การติดเชื้อราที่เล็บ
           4. อุบัติเหตุ เช่น ปลายนิ้วเท้าชอบไปชนอะไรบ่อย ๆ ทำให้เล็บฉีกขาดแทงเข้าไปในซอกเล็บได้ หรือการเล่นกีฬา เช่น เทนนิส แบดมินตัน ฟุตบอล บาสเกตบอล ซึ่งทำให้กระดูกนิ้วทำงานหนัก
           5. การมีเล็บเท้าที่กว้างกว่าปกติ หรือเกิดจากการที่นิ้วเท้ามาซ้อนเกย หรือเบียดกัน
วิธีนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ยังมีอาการไม่มาก เพียงแค่ปวดบวมแดงเล็กน้อย และยังไม่มีหนอง
        1. แช่เท้าในน้ำอุ่น หรือน้ำเกลืออุ่นๆประมาณ 10 นาที เพื่อบรรเทาอาการปวดก่อนค่ะ
แช่เท้า
        2. ตัดเล็บส่วนเกินที่ไม่เจ็บออก เพื่อไม่ให้มีเศษผงหรือสิ่งสกปรกค้างอยู่ เพราะเศษสิ่งสกปรกพวกนี้จะทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อรุนแรงขึ้น
        3. ใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% เช็ดเล็บให้สะอาด
        4. ใช้เส้นด้าย ไม้จิ้มฟันก้านบางๆ ไหมขัดฟันที่เล็กๆ หรือวัสดุอะไรที่มีขนาดบางๆ แต่แข็งพอสมควร สอดเข้าไปใต้เล็บแล้วงัดเล็บขึ้นมา อาจจะรู้สึกปวดบ้าง ควรทำอย่างเบามือที่สุดค่ะ
        5. นำสำลีสอดลงไปบริเวณที่เล็บขบอยู่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ แล้วกินยาปฏิชีวนะประเภทเตตร้าซัยคลิน หรือแอมพิซิลลิน และก็กินยาแก้ปวดพวกพาราเซตามอล จะบรรเทาอาการเจ็บปวดและการอักเสบจากการติดเชื้อลงได้มาก
เล็บขบ2
        วิธีนี้รักษาเล็บขบวิธีนี้ยังสามารถอาบน้ำล้างเท้าได้ตามปกติ และควรจะถูสบู่ที่ซอกเท้า ซอกเล็บวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกด้วย หลังอาบน้ำเสร็จควรใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดเล็บให้สะอาด แล้วใช้ผ้าพันไว้ เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกเข้าไปในซอกเล็บอีก

วิธีรักษาเล็บขบด้วยสมุนไพรไทย
ใบฝรั่ง
        สูตรที่ 1 : นำใบฝรั่งสด 2 ใบมาโขลก ใส่เกลือ 1/2 ช้อนชา ข้าวสุก 2 ช้อนโต๊ะคนผสมให้เข้ากัน นำมาพอกตรงหนองบริเวณที่เล็บขบจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
        สูตรที่ 2 : นำไพลมา 1 แง่ง (ยาวประมาณ 2 นิ้ว) มาตำ และใส่เกลือตัวผู้ (เกลือที่เป็นเม็ดยาวๆ ) ประมาณ 7 เม็ด ข้าวสุก 1 กำมือ ตำผสมกันให้ละเอียด พอกบริเวณที่เป็นแผลประมาณ 20 นาทีจะทำให้หนองแตกออกมาและหายปวดได้
มะนาว
        สูตรที่ 3 : ฝานมะนาวตรงส่วนหัวออกให้มีขนาดพอให้นิ้วสอดเข้าไปได้ แล้วใช้มีดคว้านเอาเนื้อในออกเล็กน้อย จากนั้นทาปูนแดงบางๆบริเวณที่เล็บขบ แล้วสอดนิ้วเท้าที่เป็นเล็บขบเข้าไปข้างในมะนาวที่ฝานแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที วิธีนี้ทำวันละ 2 – 3 ครั้ง เช้า-เย็น อาการปวดจะทุเลาขึ้น
        สูตรที่ 4 : นำใบเทียนดอกประมาณ 7-10 ใบ (หรือดอกก็ได้) มาตำให้ละเอียด แล้วพอกบริเวณเล็บขบ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
เกลือ
        สูตรที่ 5 : ใช้เกลือป่นอัดใส่เข้าไปตามซอกเล็บเท้าที่เจ็บ ถ้าเจ็บมากให้ใส่เกลือทุกเช้า –เย็นจนกว่าจะหาย
ใบพลู3
        สูตรที่ 6 : ใช้ใบพลูประมาณ 3 – 5 ใบ ตำผสมกับเกลือ แล้วพอกตรงบริเวณที่เล็บขบ วันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและเย็น พอกไว้ประมาณ 5 – 7 วันอาการจะทุเลาลงค่ะ
         ถ้ามีอาการเล็บขบที่หนักมาก เช่น นิ้วบวมมาก มีหนองไหล เกิดการติดเชื้อต้องไปพบแพทย์ค่ะ แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบทาหรือแบบรับประทานมาให้ แต่ถ้ามีก้อนเนื้อบริเวณข้างเล็บหนาตัวขึ้นแพทย์ก็จะทำการช่วยถอดเล็บให้ค่ะ ยังไงถ้าเป็นไปได้เราควรใส่ใจบริเวณเล็บเท้าของเราให้มากขึ้นดีกว่านะคะ จะได้ไม่ต้องมีอาการเจ็บปวดทรมาน และต้องเสียเวลารักษายาวนานไม่คุ้มนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น